สิ่งที่ได้มากคือ เป็นคนใช้ความคิดเป็น ใช้ความคิดถูกช่องถูกทาง อารมณ์ดีขึ้นจากเดิมที่เป็นคนอารมณ์ดีอย

คำถาม คือ หลังจากเรียนจบโค้ชชิ่งทางออนไลน์กับครูไปแล้ว ได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง? ทั้งทางใจ และ กาย

เริ่มเรียนกับครูจอห์นนี่ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 60 จนถึงวันนี้ก็เท่ากับว่าทำการบ้าน เป็นครั้งที่ 54 แล้ว

จะว่าไปแล้วก็ฟัง NLP ของครูก่อนมาเรียนก็ประมาณเดือนนึงค่ะ ก่อนที่ครูจะเปิดสอน Live ทางเฟส ก็ดีใจมากนะคะที่ได้มีโอกาสเรียน ...

ตอนที่ได้มาเรียนกับครูจอห์นนี่ รู้สึกดีใจมากๆ รู้สึกถึงความเป็นผู้ให้ ครูไม่ใช้โค้ช แต่ครูคือครู เพราะครูมีจิตวิญญาณของการเป็นผู้ให้เกินร้อยเปอร์เซ็นต์

ช่วงแรก เรียนทันบ้างไม่ทันบ้างเพราะติดภาระกิจการงาน

ก็ ก่อนหน้านี้ไม่นานมักบ่นกับตัวเองไงค่ะว่า งานยุ่งไม่รู้จะยุ่งไปถึงไหน...ค่ะ

แกล้งบ่นนะคะ เผื่อว่าจะมีงานเข้ามามากๆ ก็ได้รับผลทันทีค่ะ ว่า ยุ่งจริง ยุ่งจนน่าเกลียดมาก มันพาลให้เสียระบบงานด้วยอ่ะคะ

พอเปลี่ยนประโยคใหม่ก็หายแล้วค่ะ มาเปลี่ยนประโยคขณะที่เรียนกับครูค่ะ ว่า

“ฉันมีงานเข้ามามากมายล้วนเป็นข่าวดี ฉันทำอะไรก็สำเร็จราบรื่นง่ายดาย”

วันนี้นั่งทำงานสบายๆ สบายใจด้วยค่ะ ประโยคเด็ดๆ แบบนี้ เขียนแปะไว้ที่โน๊ตบุคเลยค่ะ

แล้วก่อนมาเรียนกับครู ช่วงนั้นเครียดเรื่องงานมาก กระทบกันถึงเรื่องเงิน เมื่อช่วง ก.ย. – ต.ค. 2559 เจอคนโกงเงินประมาณครึ่งแสน แล้วการเงินก็รวนเรมาก พอ ต.ค.เป็นต้นมา ไม่มีงานเข้าก็เท่ากับว่าไม่มีเงินเข้าด้วยเหมือนกัน (คงไม่ต้องเดาเรื่องต่อเลยนะคะกับเรื่องเงิน) ก็ประคองตัวเองมาเรื่อยๆ

ดีนะคะที่นั่งกรรมฐานช่วยไว้ได้ แต่ก็แค่ระดับหนึ่งค่ะ เพราะพอออกจากกรรมฐานเราก็จะกลับมาเป็นเราสู่โลกภายนอกต่อ มีเผลอเรอเรื่องของความคิด คิดไม่เป็น

พอช่วงเดือน เม.ย. วันหยุดงานค่อนข้างเยอะ ก็มีเวลาอยู่กับตัวเอง เริ่มค้นคว้าหาสิ่งต่างๆจากกูเกิ้ล ฟังคลิปโน้นคนนี้ไปเรื่อยๆ ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง ก็มาเจอ NLP ของโค้ชจอห์นนี่ ก็ฟังค่ะ ชอบเสียงครู

พอทราบว่าครูเปิดสอน Live ก็ทันทีคะที่จะต้องเรียน แล้วเรียนแบบตั้งใจจริงๆนะคะก็ ได้รับความรู้มากมายจากเรื่องบางเรื่องที่เราไม่เคยรู้ หรือรู้บ้างนิดๆหน่อยๆ หรือรู้แบบคาดไม่ถึง

สิ่งที่ได้มากคือ เป็นคนใช้ความคิดเป็น ใช้ความคิดถูกช่องถูกทาง อารมณ์ดีขึ้นจากเดิมที่เป็นคนอารมณ์ดีอยู่แล้ว คือเป็นคนที่มองภายนอกเหมือนคนไม่ค่อยเครียด ก็เป็นคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นกว่าเดิม พูดคนเดียวก็ได้ หัวเราะคนเดียวก็เป็น คุยกับตัวเองหน้ากระจกก็เป็น ทำอะไรๆได้หลายอย่างเหมือนโลกนี้มีฉันกับเธอ

เรื่องเงินที่เคยมองว่าเรื่องใหญ่ ก็กลายเป็นเรื่องเล็กนิดเดียว มองยังไงก็มองว่า

ฉันหาได้ ฉันทำได้ รอเวลาฉันอีกสักนิดเหอะ ฉันจะเสกเงินแสนเงินล้านให้ดู

ประมาณนั้นเลย ความคิดเปลี่ยนไป รู้สึกว่าควบคุมได้ คือคนเราก็แปลกนะชอบคิดถึงเรื่องเก่าๆ ไม่รู้จะคิดไปทำไม เดี๋ยวนี้พอจะคิดอดีตนะคะ ก็รีบเปลี่ยนความคิดทันทีเลยค่ะว่า ฉันสวย ฉันรวย ฉันเก่ง ฯลฯ อวยพรตัวเองไป หรือจินตภาพความสำเร็จของงานในวันข้างหน้า ภาพอาจชัดบ้างไม่ชัดบ้างก็พยายามฝึกค่ะ มองโลกในจินตภาพที่สวยงามมากขึ้น

ผลตอบรับในทุกๆวัน รู้สึกตัวเองเป็นคนโชคดี รู้สึกว่ามีความสุขในทุกๆวันจริงๆ รู้สึกรักและให้อภัยตัวเอง ก่อนนั้นชอบเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำผิดไป แบบว่าฉันไม่น่าทำแบบนั้นเลย ฉันไม่น่าเป็นคนแบบนั้น แล้วเหมือนว่า sensitive มากขึ้น ขี้สงสารคนมากขึ้น ต้องเรียกว่ามีเมตตามากขึ้น

ออกนอกบ้านนี่โลกสวยจริงๆ ใครมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี ชั้นนี่เถียงในใจทันทีเลยว่า "ไม่จริง เศรษฐกิจดีจะตาย" เพราะฉันนับของฉันอยู่ว่า วันนี้เศรษฐกิจดีกี่ครั้ง เจอเบ๊นซ์ป้ายแดงไม่รู้กี่คัน เจอจนคิดละว่าต่อไปฉันต้องได้ขับรถเบ๊นซ์ป้ายแดงแน่ๆ

คิดจนได้นั่งอ่ะ ขำมากค่ะ คือนับเบ๊นซ์ป้ายแดงมาทุกๆ วัน จู่ๆ เพื่อนขับเบ๊นซ์ป้ายแดงมาหาแถมพานั่งไปดูธุรกิจหมู่บ้านจัดสรรของเธออีก เศรษฐกิจดีจริงๆนะคะ

จะขอเล่าเรื่องสักนิดค่ะ เผื่อเป็นประโยชน์ ว่า นานมากๆ แล้วค่ะ น่าจะ ประมาณปี 2543 เคยได้รับความรู้จากท่าน อ.บุญเลิศ สายสนิท ค่ะ นิดหน่อยค่ะไม่ได้มาก จากนั้นก็พยายามหาเวลาที่จะเรียน แต่มักจะติดคำว่า ไม่ว่างๆ ช่วงนั้นทำแต่งานหาเงินๆ ความรู้ของท่านอาจารย์ที่ได้รับมา ดิฉันได้นำมาปรับใช้ประยุกต์ในขณะที่นั่งกรรมฐานค่ะ จนถึงปัจจุบันนี้ ...

ขอย้อนเวลาไปอีกนิด คือแต่เดิม ดิฉันได้เคยเรียนวิปัสสนากรรมฐานจากท่านเจ้าคุณโชดก วัดมหาธาตุ เริ่มตั้งแต่ปี 2532 (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) ดิฉันเป็นคนชอบประยุกต์ เพื่อนำมาใช้กับความเหมาะสมของตัวเองค่ะ เคยปรึกษาพระวิปัสสนาจารย์ท่านก็ว่าไม่ถูกต้อง แต่ดิฉันมองดูว่ามันเข้ากันได้ดีมากๆ

เวลาที่นั่งกรรมฐานขณะนั่งจะบริกรรมคำว่า ยุบหนอพองหนอ ท่านจะให้นั่ง 1 ช.ม. เดิน 1 ช.ม. ทีนี้พอนั่งไปนานๆก็มีเป็นเหน็บบ้าง ถ้าเหน็บกินขา พระอาจารย์ท่านให้บริกรรมว่า ปวดหนอๆ หรือเหน็บหนอๆ ให้อยู่กับอารมณ์ตรงนั้นให้ได้แล้วมันจะหายไปเอง แต่ดิฉันจะใช้คำว่า กล้ามเนื้อที่ขาผ่อนคลายสบายๆๆ ตัวเบาสบายๆๆ (ตัวก็เบาขึ้นเหมือนลอยได้อ่ะคะ) ทำให้สามารถนั่งได้ถึง 1 ช.ม. ตอนก่อนจะเข้าสู่การบริกรรม กรรมฐานดิฉันเองก็ต้องสำรวมอินทรีย์แบบทางวิทยาศาตร์ทางจิตค่ะ คือ จะสร้างจินตนาการสถานที่นั่งแล้วบอกตัวเองว่ากล้ามเนื้อศีรษะเบาสบายๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกๆส่วน ก่อนการเข้าสู่การบริกรรม....ถึงปัจจุบันนี้ก็ใช้วิธีนี้ค่ะ

สำหรับตอนนี้ ณ ปัจจุบัน เรื่องงานก็ดีขึ้นตามลำดับ เงินก็ดีขึ้นเช่นกันแต่ยังไม่ถึงเป้าหมาย ถึงจะยังไม่ได้ทั้งหมดแต่ชีวิตมีทางออกมากขึ้น แล้วสำนึกถึงค่าของเงินมากๆขึ้น เข้าใจคำว่าขอบคุณมากขึ้น ทั้งๆที่ คำว่า ขอบคุณเป็นคำติดปากของเราอยู่แล้ว จนเพื่อนบางคนถามว่า ทำไมใช้คำว่า ขอบคุณเยอะจังเลย เราก็ตอบว่า เราได้สำนึกคุณค่าและความดีในสิ่งที่เราได้รับไง ...

มั่นใจว่า เดือนหน้าเดือนกันยายนเป็นต้นไปแล้วงานจะต้องดีขึ้น และเงินก็ต้องดีขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ รอลุ้นงานใหญ่เดือนกันยาด้วยค่ะ ถ้าสำเร็จนี่ก็ใช่เลยค่ะ เป้าหมายระยะสั้นมาแล้ว สำเร็จจะรายงานครูคนแรกค่ะ

รอวันที่มีเงินเรียนกับครู สิ่งที่ต้องตอบแทนครูจอห์นนี่คือ ต้องเข้าคอร์สเรียนให้ได้ค่ะ ครูจะไม่มีทางสอนดิฉันฟรีๆ แน่นอนค่ะ สิ่งที่ให้มาจาก Live 21 ครั้ง แล้วก็ยังมี coaching อีกตั้งหลายครั้ง มันมากมายนะคะที่ครูได้มอบให้...

ฝันต่อไปคืออยากเข้าคอร์สทุกๆ คอร์สที่ครูสอน

อยากเป็นคนเก่งค่ะและอยากเป็นครูด้วยค่ะ ขอบคุณครู ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจากใจจริงค่ะ